TOP NEWS

งานเสริมระหว่างเรียน รายได้เสริมระหว่างเรียน รายได้พิเศษระหว่างเรียน.

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

สูตรเมนูเด็ด น้ำพริกแซ่บเวอร์


สูตรเมนูเด็ด น้ำพริกแซ่บเวอร์ อาหารยอดฮิตน้ำพริกที่ทานได้ทุกภาค นอกจากจะทำเป็นอาหารรับประทานเอง ยังสามารถต่อยอดทำเป็นอาชีพเสริม จำหน่ายข้าวคลุกน้ำพริกได้อีกด้วย วันนี้นำเสนอ "น้ำพริกปลาทู" รสชาติถูกปาก อาหารถูกลิ้น อยากกินน้ำพริกที่แสนอร่อยเหาะ ลองคลิ๊กดูรายละเอียดวิธีทำน้ำพริกที่นี่


น้ำพริกปลาทูสูตรเด็ด อร่อยแซ่บเวอร์



น้ำพริกปลาทู (Fried mackerel with shrimp paste sauce) อาหารยอดฮิตของทุกภาคโดยเฉพาะที่ภาคกลาง ปลาทูเป็นเนื้อปลาที่อร่อยถูกปากอยู่แล้ว เมื่อนำปลาทูมาทอดหรือย่างจนหอมฉุย แกะเนื้อใส่ลงโขลกในน้ำพริก ก็จะได้น้ำพริกปลาทูที่แสนอร่อย เมื่อนึกถึงรสชาติเมื่อไร ก็อยากจะรับประทานขึ้นมาทันที มีครบทุกรส เผ็ด เปรี้ยว หวาน และเค็ม ไม่ว่าจะทานเล่นหรือนำมาคลุกกับข้าวสวยร้อนๆ หรือทานกับปลาทูทอดตัวโตๆ หรือไข่ต้ม ไข่เจียว หรือผักสดผักลวก หรือกับอาหารอื่นๆ ก็เจริญอาหารและอร่อยแซ่บเวอร์ยิ่งนัก ทานเมื่อใดก็อร่อยติดอกติดใจกันทั้งบ้าน




ส่วนผสมน้ำพริกปลาทู 
  • เนื้อปลาทูตัวเล็กย่างหรือทอด (แกะเอาเฉพาะเนื้อเท่านั้น) 1 ตัว 
  • พริกขี้หนู 10 เม็ด 
  • กระเทียมไทย (กลีบเล็กหรือกลีบใหญ่ได้ทั้งนั้น) ลอกเปลือก 10 กลีบ 
  • หอมหัวแดง ลอกเปลือก 5- 6 หัว 
  • น้ำปลา 1- 2 ช้อนโต๊ะ 
  • (ถ้ามีน้ำปลาร้าด้วย ก็ให้ใส่น้ำปลาร้าข้น 2 ช้อนโต๊ะ + น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ) 
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา 
  • น้ำต้มสุก 2- 4 ช้อนโต๊ะ 

เครื่องเคียง: 
ทานกับผักสด : ยอดมะกอก, มะเขือเปราะ, แตงกวา, ถั่วพูฟักอ่อน, แตงกวา, ถั่วฝักยาว, ผักชีล้อม, ขมิ้นขาว, ยอดแค, มะเขือพวง ฯลฯ
(แต่ผักบางอย่างไม่ควรทานดิบ ๆ อาทิ กระหล่ำปลี ผักกาดขาว เราก็ต้องลวก นึ่ง หรือต้มให้สุกก่อนครับ)
ผักลวก : ข้าวโพดอ่อน, ยอดฝักแม้วลวก, มะเขืออ่อนลวก, ผักบุ้งลวก, ดอกแคลวก ฯลฯ

วิธีทำ 
1. เตรียมส่วนผสมให้พร้อม ดังนี้
  • นำปลาทูมาทอด (ใช้น้ำมันน้อยๆก็พอ) ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วแกะเอาเฉพาะส่วนเนื้อปลา 
  • พริกขี้หนูนำไปล้างน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาพอประมาณ (เม็ดนึงหั่นให้ได้สัก 2 ชิ้น) 
  • นำกระเทียมมาตัดหัวท้าย แล้วลอกเปลืกแข็งทิ้งไป แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึง (กลีบนึงหั่นให้ได้สัก 2 ชิ้น อย่าหั่นบางมาก เวลาเอาไปคั่วจะไหม้ง่าย) 
  • หอมหัวแดง เลือกหัวที่ไม่เน่า ไม่ฝ่อ ไม่มีราขึ้น แล้วลอกเปลือก นำไปล้างน้ำสักครั้ง แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึง 
  • ถ้าใส่น้ำปลาร้าด้วย ก็ให้ตักเอาเฉพาะน้ำปลาร้าข้นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ.... แล้วผสมกับน้ำต้มสุกอีก 2 ช้อนโต๊ะ นำไปต้มให้เดือด แล้วยกลงพักไว้ให้เย็น 
2. นำพริกขี้หนู กระเทียม และหอมหัวแดงที่เตรียมไว้ ลงไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อนๆ จนสุกหอม
3. แล้วนำทั้งหมดไปเทใส่ครก (คือพริก กระเทียม หอม และตามด้วยเนื้อปลาทูที่เราแกะเอาไว้) โขลกให้เข้ากันให้แหลกละเอียดตามต้องการ (จะโขลกเอาหยาบๆหน่อยหรือแหลกละเอียด ก็ตามชอบเลยครับ)
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา (น้ำปลาร้าต้มสุก) น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย
5. แล้วปรับความข้นตามชอบด้วยน้ำต้มสุก แล้วคนให้เข้ากันดี…ชิมรส (ตามชอบ)
6. เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย กินกับผักต้ม และผักดิบได้



แนะนำเพิ่มเติม
  • ถ้าเป็นน้ำพริกปลาทูแบบดั้งเดิมนั้น เขาจะนำเครื่องทุกอย่างทั้งปลาทู พริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียม มาย่างบนเตาถ่านจนกระทั่งสุก เพื่อให้ได้กลิ่นหอมอร่อย แต่ครัวสมัยใหม่นิยมใช้เป็นเตาแก็สเพราะสะดวกกว่า ดังนั้นเราอาจจะเปลี่ยนมาคั่วพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียม ในกระทะด้วยไฟอ่อนๆก็ได้ครับ ส่วนปลาทูก็ทอดให้สุกด้วยน้ำมันน้อยๆ ก็จะช่วยให้ประหยัดเวลาและประหยัดถ่านไปได้เยอะ…(แต่แบบคั่วจะหอมน้อยกว่าแบบเผานิดนึงนะครับ) และนิยมใส่เป็นน้ำปลาร้าลงไปด้วย น้ำพริกปลาทูที่ได้จะหอมมากๆ และอร่อยมากๆด้วย 
  • น้ำพริกปลาทู หรือน้ำพริกไทยๆ ทุกชนิด ควรเลือกใช้กระเทียมไทยในการทำ เพราะจะมีกลิ่นหอมอร่อยกว่ากระเทียมชนิดอื่น ส่วนกระเทียมจะกลีบเล็กหรือใหญ่ใช้ได้ทั้งนั้นครับ
  • ถ้ารับประทานน้ำพริกไม่หมดให้อุ่นบนเตาให้ใช้ไฟอ่อนๆ จะสามารถเก็บไว้รับประทานต่อได้อีกหลายวัน
  • อย่าทำให้รสจัดมากเกินไป เช่น เค็มจัด เปรี้ยวจัดหรือเผ็ดจัดเกินไป เพราะว่าไม่เป็นผลดีต่อระบบลำไส้หรือกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ รสเค็มจัดก็จะมีผลต่อการเพิ่มความดันโลหิต ดังนั้นคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็ควรที่จะระวังในเรื่องนี้ด้วย

0 ความคิดเห็น: