TOP NEWS

งานเสริมระหว่างเรียน รายได้เสริมระหว่างเรียน รายได้พิเศษระหว่างเรียน.

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ความรู้เรื่องเพศศึกษา การหลั่งนอกจะทำให้ตั้งครรภ์ได้หรือไม่



ความรู้เรื่องเพศศึกษา การหลั่งนอกจะทำให้ตั้งครรภ์ได้หรือไม่ หลายๆ คนเข้าใจมาตลอดว่าการมีเพศสัมพันธ์แล้วหลั่งภายนอกจะทำให้ปลอดภัยไม่ตั้งครรภ์ ลองเข้ามาศึกษารายละเอียดอีกนิ๊ด เพราะโอกาสเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ก็มีอยู่นะ

Credit by http://frynn.com


หลั่งนอก

หลั่งน้ำอสุจิภายนอกช่องคลอด หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า “หลั่งข้างนอก” หรือ “หลั่งภายนอก” (Coitus interruptus, Rejected sexual intercourse, Withdrawal, Pull-out method) เป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์อย่างหนึ่งที่เมื่อร่วมเพศไปในระยะแรกจะเป็นไปอย่างปกติ (ฝ่ายชายจะไม่ได้สวมถุงยางอนามัย) จนกระทั่งฝ่ายชายรู้สึกใกล้จะหลั่งน้ำอสุจิ ฝ่ายชายจะถอนอวัยวะเพศออกจากช่องคลอดก่อนที่จะถึงจุดสุดยอด และหลั่งน้ำอสุจิออกมาภายนอกช่องคลอดของฝ่ายหญิงแทนโดยไม่ให้น้ำอสุจิเปื้อนบริเวณปากช่องคลอด เพราะอาจจะทำให้เชื้ออสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้ โดยคิดไปเองว่าจะไม่ทำให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิงได้และไม่เกิดการตั้งครรภ์ ซึ่งนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ !! เพราะในระหว่างที่เรากำลังมีเพศสัมพันธ์ อาจจะมีเชื้ออสุจิออกมากับน้ำเมือกบ้างแล้วบางส่วน หรือเมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอดแล้วแต่ฝ่ายชายถอนอวัยวะเพศไม่ทัน จนหลั่งน้ำอสุจิเข้าไปภายในช่องคลอดหรือบริเวณปากช่องคลอด เหล่านี้เชื้ออสุจิก็สามารถผ่านเข้าไปในช่องคลอดได้แล้วครับ จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์สูง
สำหรับสาเหตุที่วิธีการหลั่งนอก (แตกนอก) เป็นที่นิยมกันมากโดยเฉพาะในกลุ่มวันรุ่น ก็คงมาจากความง่าย ความสะดวกสบาย ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันใด ๆ แถมยังให้ความรู้สึกถึงอารมณ์แบบเนื้อแนบเนื้ออีกต่างหาก อีกทั้งวัยรุ่นส่วนใหญ่ก็อายที่จะไปซื้อถุงยางอนามัยในร้านสะดวกซื้อมาใช้ หรือบางครั้งก็ฉุกเฉินเกินกว่าจะเตรียมอุปกรณ์ป้องกันได้ทันที ส่วนอีกสาเหตุสำคัญก็คงมาจากความมั่นอกมั่นใจของฝ่ายชายนี่แหละที่บางคนคิดเอาแต่ได้ โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา หรือมาจากความมั่นใจแบบผิด ๆ ว่าปล่อยนอกยังไงก็ไม่ท้องอย่างแน่นอน คราวนี้เรามาดูข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหลั่งนอกกันเลยดีกว่า จะได้หายสงสัยสักทีว่าทำไมหลั่งนอกแล้วแต่ก็ยังท้องได้อยู่ !!

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหลั่งนอก

  • การหลั่งนอกเป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพน้อยมาก มีโอกาสล้มเหลวทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้สูง
  • ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ ในน้ำหล่อลื่นของฝ่ายชายนั้นจะมีเชื้ออสุจิปะปนออกมาด้วยอยู่แล้ว แต่ไม่เยอะเท่าตอนถึงจุดสุดยอดเท่านั้นเอง !! เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นไปได้สูงที่ตัวอสุจิเหล่านี้จะเดินทางไปปฏิสนธิกับไข่ในระหว่างการทำกิจกรรม
  • ในกรณีที่หลั่งไม่ไกลจากช่องคลอดมากพอ เชื้ออสุจิก็ยังสามารถแหวกว่ายเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิงและทำการปฏิสนธิได้อยู่ดี เนื่องจากทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต่างก็มีน้ำหล่อลื่นที่เป็นตัวช่วยทำให้อสุจิสามารถเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
  • การมีเพศสัมพันธ์ต่อครั้งที่ 2, 3, 4 ฯลฯ ในทันทีจะยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นไปอีก แม้จะล้างทำความสะอาดมาอย่างดีแล้วก็ตาม เพราะปลายอวัยวะเพศชายยังอาจมีเชื้ออสุจิหลงเหลืออยู่ แต่ที่แน่ ๆ คือในท่อปัสสาวะจะยังมีน้ำเชื้อค้างอยู่จากรอบที่แล้วอย่างแน่นอน ซึ่งมันอาจจะออกมาปิ๊ดหนึ่งในระหว่างร่วมเพศก่อนที่คุณจะหลั่งในรอบถัดไปก็ได้ ในกรณีที่ทำได้ก็คือการปัสสาวะทิ้งก่อนจะมีเพศสัมพันธ์รอบถัดไป ซึ่งจะถือเป็นการล้างท่อไปด้วยในตัว และทำความสะอาดที่ปลายองคชาติเพื่อล้างอสุจิที่ตกค้างออกให้เรียบร้อยก่อนที่ปฏิบัติภารกิจในรอบถัดไป

ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของการหลั่งนอก

ข้อมูลจาก Contraceptive technology (20th revised ed.) ระบุว่าตามหลักแล้วการหลั่งภายนอกช่องคลอดอย่างถูกต้อง (Perfect use) ตามหลักทฤษฎีเป๊ะ ๆ จะมีโอกาสล้มเหลวทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4% ซึ่งหมายความว่าจำนวนการตั้งครรภ์ในแรกของการคุมกำเนิดด้วยการหลั่งนอกจำนวน 100 คน จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4 คน แต่โดยทั่วไปหรือในโลกความเป็นจริงแล้ว มันก็ต้องมีเป๊ะบ้าง ไม่เป๊ะบ้างเป็นธรรมดา ทำให้การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ (Typical use) มีอัตราการล้มเหลวทำเกิดการให้ตั้งครรภ์ได้สูงมากขึ้นเป็น 22% หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 คน จากผู้ที่คุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ ส่วนด้านล่างนี้เป็นตารางเปรียบเทียบระหว่างการคุมกำเนิดด้วยวิธีการหลั่งนอกกับวิธีการคุมกำเนิดแบบอื่น ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ
วิธีคุมกำเนิดการใช้แบบทั่วไปการใช้อย่างถูกต้องระดับความเสี่ยง
ยาฝังคุมกำเนิด0.05 (1 ใน 2,000 คน)0.05ต่ำมาก
ทำหมันชาย0.15 (1 ใน 666 คน)0.1ต่ำมาก
ห่วงอนามัยเคลือบฮอร์โมน0.2 (1 ใน 500 คน)0.2ต่ำมาก
ยาฉีดคุมกำเนิด (ฮอร์โมนรวม)0.2 (1 ใน 500 คน)0.2ต่ำมาก
ทำหมันหญิง (แบบทั่วไป)0.5 (1 ใน 200 คน)0.5ต่ำมาก
ห่วงอนามัยหุ้มทองแดง0.8 (1 ใน 125 คน)0.6ต่ำมาก
ยาฉีดคุมกำเนิด (ฮอร์โมนเดี่ยว)6 (1 ใน 17 คน)0.2ปานกลาง
แผ่นแปะคุมกำเนิด9 (1 ใน 11 คน)0.3ปานกลาง
วงแหวนคุมกำเนิด (NuvaRing)9 (1 ใน 11 คน)0.3ปานกลาง
ยาเม็ดคุมกำเนิด9 (1 ใน 11 คน)0.3ปานกลาง
ถุงยางอนามัยชาย18 (1 ใน 5 คน)2สูง
การหลั่งนอก22 (1 ใน 4 คน)4สูงมาก
การหลั่งใน (ไม่มีการป้องกัน)85 (6 ใน 7 คน)85สูงมาก

หมายเหตุ : ตัวเลขที่แสดงเป็นจำนวนการตั้งครรภ์ต่อปี (first year of use) ของสตรีที่คุมกำเนิดด้วยวิธีดังกล่าวจำนวน 100 คน โดยกำหนดให้ สีฟ้า = ความเสี่ยงต่ำมาก / สีเขียว = ความเสี่ยงต่ำ / สีเหลือง = ความเสี่ยงปานกลาง / สีส้ม = ความเสี่ยงสูง /สีแดง = ความเสี่ยงสูงมาก (ข้อมูลจาก : www.contraceptivetechnology.org, Comparison of birth control methods – Wikipedia)

ถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ ตามภาษาชาวบ้านก็ตามด้านล่างนี้เลยครับ :)
  • หลั่งนอกอย่างถูกวิธี (ไกลจากช่องคลอดมากพอ) > เสี่ยง
  • หลั่งนอกแบบผิดวิธี (ไม่ไกลช่องคลอดมากพอ) > เสี่ยงมาก
  • หลั่งนอกและล้างอวัยวะเพศสะอาดแล้ว + มีเพศสัมพันธ์ต่อทันที > โครตเสี่ยง หาคู่มือการเลี้ยงลูกมาอ่านรอได้เลยครับ !!
  • หลั่งนอกและล้างอวัยวะเพศไม่สะอาดดีพอ + มีเพศสัมพันธ์ต่อทันที > เตรียมเลี้ยงลูกได้เลยครับ :)

ข้อดีของการหลั่งนอก

  1. เป็นวิธีที่ใช้ได้เสมอ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ อาศัยแต่เพียงความอดทนและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น โดยสามีจะต้องไม่หลั่งน้ำอสุจิเร็ว ยิ่งถ้าควบคุมการหลั่งน้ำอสุจิได้ด้วยแล้ว โดยรอให้ฝ่ายภรรยาถึงจุดสุดยอดเสียก่อนก็จะได้ผลดีต่อทั้งคู่
  2. เป็นวิธีที่ง่าย สะดวก ประหยัด ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องอาศัยเครื่องมือแพทย์ใด ๆ
  3. ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับฮอร์โมน จึงไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนเหมือนยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด และแผ่นแปะคุมกำเนิด
  4. ไม่มีผลต่อประจำเดือน ทำให้ประจำเดือนมาตามปกติ เมื่อหยุดใช้ภาวะการเจริญพันธ์จะกลับมาทันที

ข้อเสียของการหลั่งนอก

  1. วิธีนี้เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงในตั้งครรภ์สูง สามีบางคนอาจสงสัยว่าทำไมภรรยาถึงตั้งครรภ์ได้ทั้ง ๆ ที่หลั่งนอกทุกครั้ง ก็อย่างที่บอกนั้นแหละครับว่ามันมีโอกาสผิดพลาดได้ง่ายมาก !!
  2. ทำให้คู่สมรสมีความสุขจากการร่วมเพศได้ไม่เต็มที่ (โดยเฉพาะฝ่ายสามี) ส่วนฝ่ายหญิงก็มีโอกาสถึงจุดสุดยอดน้อยลง เพราะฝ่ายสามีต้องฝืนใจเอาอวัยวะเพศออกขณะที่จะถึงจุดสุดยอดทั้งที่ไม่อยากทำ
  3. ในบางกรณี (โดยเฉพาะวัยรุ่นมือใหม่) มักเกิดอาการตื่นเต้นจนทำให้หลั่งเร็วหรือไม่สามารถควบคุมการหลั่งได้ ความเสี่ยงก็จะสูงมากขึ้น
  4. ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ โดยเฉพาะ เอดส์ เริม หนองใน ซิฟิลิส ฯลฯ

0 ความคิดเห็น: