ประโยชน์มหาศาล "มะยม" ต้นไม้ที่มีสรรพคุณหลายอย่าง
ประโยชน์มหาศาล "มะยม" ต้นไม้ที่มีสรรพคุณหลายอย่าง หลายๆ คนคงยังไม่รู้ถึงคุณค่า บางคนปลูกทิ้งไม่สนใจ แต่หารู้ไหมว่ามะยมเป็นทั้งยารักษาโรค เป็นอาหาร รวมถึงเป็นพืชมงคลที่คนนิยมปลูกกัน
“มะยม” ต้นไม้ที่อยู่คู่คนไทยมาช้านานที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ทั้งในแง่ของต้นไม้มงคล เพราะชื่อพ้องกับคำว่า “นิยม” หลายครัวเรือนจึงนิยมปลูกไว้ยังบริเวณบ้าน เชื่อกันว่าสามารถขจัดสิ่งอัปมงคลต่างๆ ได้ หรืออย่างในสมัยก่อน ก้านมะยมที่ริดใบออกจนหมดเป็นไม้เรียวที่คุณครูใช้ทำโทษนักเรียน เนื่องจากหาง่า และไม่ทำให้ฟกช้ำ ที่สำคัญมะยมถือว่าเป็นแหล่งอาหารชั้นดี หาง่าย ไม่ใช่พืชไฮโซแต่คุณประโยชน์อักโขเหลือเกิน
มะยมเป็นพืชยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 4-7 เมตร เปลือกเป็นปุ่มปมจากแผลที่ของก้านใบที่ร่วงหล่นไป ใบคล้ายขนนก ออกดอกตามช่อลำต้นและกิ่งก้านที่ไม่มีใบ บางครั้งสังเกตได้ว่ามะยมบางต้นไม่ติดลูกเลย เพราะดอกมะยมไม่สมบูรณ์เพศ ดอกตัวผู้มีมากกว่าดอกตัวเมีย มีโอกาสที่เป็นดอกตัวผู้ทั้งต้น จึงนิยมเรียกกันว่า “มะยมตัวผู้” ผลมะยมมีน้ำและกรดมากจึงมีรสเปรี้ยว แต่บางต้นมีรสจืดเพราะมีกรดน้อยนิยมเรียกว่า “มะยมหวาน”
คุณค่าของมะยมนับว่าสารพัดประโยชน์ ยอดอ่อนและใบอ่อนนอยมนำมาเป็นผักจิ้ม บางตำรับใช้ทำลาบ ขนมจีน และยำ โดยเฉพาะผลมะยม นิยมนำมาทำเมนูตระกูลส้มตำเรียก “ตำมะยม” สุดแซบ หรือจะกินเปล่าๆ หรือจิ้มเกลือก็ได้อรรถรส จะประยุกต์เป็นมะยมดองก็เคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ จะนำไปถนอมหารเป็นแยมหรือเอาไปเชื่อมก็อร่อย แถมบางครัวเรือนทำขายเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้อีกต่างหาก
มาดูสรรพคุณของมะยมกันบ้าง ผลมะยมมีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชราความความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ช่วยดับร้อน ปรับสมดุลในร่างกาย มีวิตามินซีสูงช่วยต้านหวัด เป็นยาระบาย ผลดิบหรือสุกมีฤทธิ์กัดเสมหะ นำผลมะยมตำรวมกับพริกไทยพอกตามส่วนของร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ไขข้ออักเสบได้
ใบมะยมแก้เบาหวาน บำรุงตับอ่อนให้แข็งแรงและสามารถผลิตน้ำตาลในภาวะสมดุล ลดความดันโลหิต บำรุงประสาท บรรเทาอาการปวดหัว แก้ไข้หัด แก้สำแดง นำมาต้มน้ำอาบช่วยรักษาโรคอีสุกอีใสและแก้พิษคัน นำเปลือกของลำต้นมาต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้ไข้ทับระดู แก้น้ำเหลืองเสียให้แห้ง
จะเห็นได้ว่ามะยมมีดีมากมาย จะกินสด นำไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ หรือเข้าตำรับยาไทยก็เปี่ยมสรรพคุณ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ขอไปสอยมะยมริมรั้วมาทำ “ตำมะยม” ก่อน... แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว
______________________________________________________________
Facebook: https://www.facebook.com/smesociety
0 ความคิดเห็น: