แนะนำพืชเศรษฐกิจ สร้างอาชีพเสริม สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริม
แนะนำพืชเศรษฐกิจ สร้างอาชีพเสริม สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริม แนะนำวิธีการปลูกแก้วมังกรในกระถาง เพิ่มผลผลิตได้ โดยใช้พื้นที่จำกัด อาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ลองไปทำดูไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้ที่ต้องการมีรายได้เสริม
วัสดุ - อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม มีดังต่อไปนี้
1. ท่อน้ำทิ้งข้างในกลวง หน้ากว้าง 4 นิ้ว ยาว 1.3เมตร หรือ เสาร์ไม้ก็ได้
2. กระถางหน้ากว้าง50 เซนติเมตร
3. ค้างต้านบนอาจทำจากไม้หรือปูนเป็นรูป 4 เหลี่ยมจุตุรัส กว้าง x ยาว 30 เซ็นติเมตร
4.ขุยมะพร้าว
5. ดิน
6. เชือกฟาง
วิธีปลูก
1. ใส่ขุยมะพร้าวรองก้นกระถาง เพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ดีในอัตราส่วน 1 ใน 3 ของปริมาณกระถางจากน้ันนำดินสำเร็จรูป ผสมกับขุยมาะพร้าวหรือแหลบดำ ใส่ลงไปในกระถางจนถึงขอบกระถาง
2. นำแก้วมังกรมาปลูกให้ชิดกับเสา แล้วนำเชือกฟางมามัดต้นแก้วมังกรให้ติดกับเสา ไม่ต้องมัดให้แน่นมาก ควรผูกเชือกไว้จนกว่าต้นแก้วมังกรจะเจริญเติบโต จนพ้นหัวเสา
3.จากน้ันนำดินมากลบด้านบนของกระถาง เป็นอันเสร็จ ต้นมังกรเป็นสามเหลี่ยม แต่จะมีด้านหนึ่งเป็นด้านแบน ดังน้ันเวลาปลูกต้นแก้วมังกร ให้จับด้านบนของต้นเข้ากับหลัก เพราะว่าด้านแบบจะเป็นด้านที่ออกราก
การดูแลแก้วมังกรในกระถาง
1. การรดน้ำให้รดเพียง 1 คร้ังภายใน 2 - 3 วัน และไม่ควรรดมากจนเกินไปเพราะอาจเกิดโรคเน่าได้
2. การให้ปุ๋ย ควรใส่ทุก 15 วัน ใส่ครั้งละ 2 - 4 ช้อนโต๊ะ สูตรที่ใช้ 15-15-15 หรือ 16-16-16 หลังจากใส่ปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำ ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน วันละ 1 คร้ังเช้าหรือเย็นก็ได้ ถ้ามีปุ๋ยคอก มูลไก่ หรือ มูลวัวก็ใช้ได้เช่นกัน ให้ใส่เดือนละ 1 คร้ัง เมื่อปลูกได้เป็นเวลา 6 เดือน ให้ใส่ปุ๋ย 8 - 24-24 ผสมกับ 15-15-15 ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง
ผลผลิต: เมื่อแก้วมังกร 8 เดือน - 1 ปี ก็เริ่มให้ผลผลิต 30 ผลต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 2 ประมาณ 50 ผลต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 3 100 - 200 ผลต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 4 - 15 300 ผลต่อหนึ่งค้างขึ้นไป ขนาดของผล ประมาณ 3 - 4 ผลต่อหนึ่งกิโลกรัม ท่านใดที่อยู่ไกล้ประทุมธานี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณสิทธิศักดิ์ บุณยาคุมานนท์ ที่อยู่ 14/1 หมู่ที่ 3 ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดประทุมธานี ถ้าอยู่ไกล้เชียงใหม่ เยอะแยะเลยครับ แถวอำเภอแม่ริม ถนนแม่ริม - สเมิง เปิดให้ชมด้วย ทั้งที่ปลูกเป็นสวนและในกระถาง
ขอขอบคุณที่มา : sanchai phakudlao
0 ความคิดเห็น: